top of page

ทำสีผมยังไงให้ผมเสียน้อยที่สุด?

ที่ผ่านมา เชอได้รับคำถามมากมายว่า "ทำสีผมหนักขนาดนี้ ผมไม่เสียหรอ?" ตอบเลยว่า "เสียค่ะ"​

อยู่ที่ว่า เสียมาก เสียน้อย อยู่ที่ประเภทของสีที่เลือกทำ รวมถึงการบำรุงค่ะ

เชอขอจำแนกประเภทของการทำสีผมแบบง่ายๆให้ฟัง ซึ่งจะแบ่งออกมาได้ดังนี้ค่ะ

1. Permanent hair color = สีถาวร

ประเภทนี้ก็คือ ที่เราเรียกกันติดปากว่า “ย้อมผม” นั่นเอง ซึ่งการย้อมประเภทนี้ จะเป็นหลักสากลค่ะ คือใช้ Hydrogen Peroxide เรียกสั้นๆว่า Hydrogen มาผสมกับสี แล้วทำหน้าที่เป็นตัวผลักสีผมเข้าไปในเส้นผม หรือในอีกกรณีก็จะใช้ Hydrogen เป็นตัวฟอกผมให้ได้ระดับสีที่สว่างขึ้นก่อนย้อม โดยคนที่เคยย้อมผมด้วยตัวเองบ่อยๆ

อาจจะคุ้นเคยกับตัวเลข 3%6% 9% 12% ของระดับ Hydrogen

จากที่อิเชอผ่านงานหัวสีมานับต่อนับ บอกเลยว่า

“งานฟอก เป็นงานละเอียดกว่าทำสีมาก ต้องมีความพิถีพิถันจริงๆ”

ตั้งแต่ขั้นตอนการวิเคราะห์สภาพเส้นผมและหยิบเลือกระดับของ Hydrogen ที่จะใช้ รวมถึงการคำนวณเวลาทั้งหมดในการฟอกด้วย

แล้วค่าเปอร์เซ็นต์ของ Hydrogen แต่ละระดับมันต่างกันยังไง? ใช้ยังไง?

คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับสีที่เราเลือกทำค่ะ อิเชอทำภาพมาให้ดูกันจะได้เข้าใจง่ายขึ้น

ถ้าเป็น level ต้นๆอย่าง 3% นั้น จะได้ในเรื่องของการล้างสีผม เกล็ดผมก็จะโดนเปิดไม่มาก

ถ้าคุณอยากทำสีสว่างมากๆ แต่เป็นคนไม่เคยย้อมมาก่อนเลย! ผมดำเมี่ยมงี้ อันนี้ก็ต้องใช้เปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นไปอีก

ซึ่งถ้าลงระดับเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นเท่าไหร่ เกล็ดผมก็จะโดนเปิดมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเกล็ดผมโดนเปิดมาก ผมก็ยิ่งเส้นบางลง และแห้งเสียขึ้นไปอีก

อ้าว! แล้ว 12% นี่ผมไม่พังพินาศเลยหรือ?

เอางี้ เคยเห็นป่ะ คนที่ย้อมผมออกจากร้านมานี่ปังมากวันแรก สีนี่อื้อหือ สตรวองสดงดงามอร่ามจิต

“แต่” พอผ่านไปไม่กี่วัน สีก็หลุดเป็นทองพร้อมสภาพผมเยินเป็นไม้กวาดฟูฟ่องเป็นวุ้นๆ

ทั้งนี้ก็เพราะเกล็ดผมมันเปิดไปแล้วพอลงสี ละสระ มันก็เหมือนเทสีผมออกจากผมอ่ะ

.

.

สรุป

มันต้องมีสเต็ปในการฟอก ต้องไล่ตั้งแต่ระดับ Hydrogen น้อย-กลาง แล้วลงฟอกซ้ำ ค่อยเป็นค่อยไป นี่แหละที่บอกว่ามันเป็นงานละเอียด ต้องอาศัยความพิถีพิถันมาก ถ้าเจอช่างขี้เกียจเค้าก็จะใช้ 12% นี่แหละ รอบเดียวจบ

ดังนั้นแนะนำให้กล้าๆถามช่างเลยค่ะ งานหัวเราเอง ว่าเค้าจะทำอะไรกับผมเราบ้าง

.

เทคนิคบางอย่างเข้าใจว่าเป็นความลับของทางร้าน

แต่เราถามในข้อมูลที่เราควรรู้ก่อนที่จะได้รับบริการได้

ถ้าไม่อยากผมเปื่อยหรือสีหลุดเร็ว ก็บอกช่างไม่ฟอกระดับไฮโดรเจนสูงๆ ผมกับหนังหัวนี่เป็นสิ่งสำคัญนะคะ ไม่คุ้มกับการมานั่งบำรุงรักษาทีหลัง

หรือ

ถ้าบางคนอยากได้สีสว่างระดับขาวเลย แล้วเค้ายอมรับได้ว่าผมจะเสียแห้ง อันนี้ก็แล้วแต่ความพอใจ

เรื่องราคาอันนี้ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของแต่ละคนด้วยค่ะ

บางคนเลือกจากร้านที่ทำถูก บางคนพอใจกับร้านราคาสูง

ถ้าผลงานที่ได้ออกมาดีถูกใจอันนี้นับว่าโชคดีค่ะ เพราะอย่างที่บอก

งานหัวเป็นงานสำคัญ มันจะอยู่ติดหัวเรา เป็นหน้าเป็นตาเราเช่นกัน

เพราะงั้น จะเลือกจะทำอะไร นึกถึงผลลัพธ์ให้ดีและเลือกที่เราสบายใจสบายกระเป๋า.

2. Semi-Permanent hair color = สีกึ่งถาวร

ประเภทนี้จะเป็นในด้านของสีเคลือบผมทั้งหมด รวมถึงแว็กซ์สีผมด้วย ซึ่งตัวแว็กซ์จะใช้ขึ้ผึ้งเป็นพันธะให้สีผมเกาะ แล้วมันจะเกาะตัวกันเอง ไม่เกาะเส้นผมเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็น level

ประกายๆ ไม่เน้นเม็ดสีเด่นชัดเท่าย้อม

ประเภทนี้จะเหมาะกับคนที่ไม่อยากให้ผมเสีย และอยากให้ผมเป็นประกายสี ไม่เน้นเม็ดสีเด่นชัด ขอประกายสีเงาๆเบาๆพอ

แต่ทั้งนี้ สมัยนี้ก็มี semi-permanent hair color wax ออกมาขายจำนวนมาก อย่างแบรนด์ที่เชอใช้ก็มี Arctic Fox, Manicpanic ตัวพวกนี้สีจะเด่นมากถ้าเราลงกับผมสีอ่อนจัด แต่พอสระก็จะ Fade หายไปตามกาลเวลา จนกลับมาเป็นพื้นสีเดิม

สีนี้ใช้ Arctic Fox ค่า

**ถ้าอยากให้เห็นสีชัดตามขวด ต้องฟอกผมก่อน

จากประสบการณ์ ถ้าใช้แว็กซ์ยี่ห้อไม่ดี ที่เคยผ่านมาคือขายกรัมละบาท ไรงี้ มันทำให้สีฝังเข้าไปในสีผมหนักมาก ล้างสียากมากๆ บางซาลอนก็จะไม่รับทำเลยก็มี

สรุป ถ้าให้เชอแนะนำนะคะ

เข้าร้านทำผมเฉพาะเวลาจะเปลี่ยนงานหัวหนักๆ เช่น การฟอกผม ไม่ควรทำเอง เพราะถ้าไม่ชำนาญพออาจพังได้ แล้วพอฟอกแล้ว ทำสีแล้วเบื่อ ให้ใช้แว็กส์แทน แว็กส์ที่ใช้ควรเลือกแบบที่มีคุณภาพสูง ผมเสียแล้วไม่คุ้มค่ะ

หวังว่าบล็อคนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังจะทำสี หรือชอบทำสีนะคะ :)

bottom of page